ทำไมผู้ประกอบการในปัจจุบันต้องการปรับปรุงการผลิตสู่ Smart Factory ?
ทำไม ผู้ประกอบการผลิต ต้องใช้งาน "ที่ปรึกษาการผลิต" ???
ผู้ประการบางท่านอาจคิดว่า เมื่อต้องการปรับปรุงการผลิตก็แค่จ้างเอาท์ซอร์ซ เช่น maker หรือ SI มาทำให้ซึ่งก็เป็นอะไรที่ง่าย แต่ปัญหาเหล่านี้ จะตอบได้ไหม และท่านเชื่อในคำตอบหรือไม่?
-ทำงานได้จริงไหม ต่อเนื่องได้ไหม
-คุณภาพการผลิตตามที่ต้องการไหม
-อัตราการผลิตได้ไหม
-งบประมาณที่ใช้คุ้มค่าไหม แล้วจะรู้ได้ไงว่าเหมาะสมแล้ว
-จัดการกับวัตถุดิบก่อนเข้าระบบผลิตอย่างไร just in time ไหม
-จัดการกับสินค้าที่ผลิตแล้วอย่างไร
-จะส่งสินค้าไปที่คลังอย่างไร เหมาะสมที่สุดอย่างไร
-จะส่งสินค้าจากคลังไปรถบรรทุกอย่างไร เหมาะสมที่สุดอย่างไร
-ระบบนั้น ลีน (lean) หรือยัง
-ระบบทางกล และไฟฟ้าที่เลือกใช้ (เช่น servo motor) นั้นเหมาะสมหรือไม่ ทนทานน่าเชื่อถือไหม ซื้อใหม่ราคาสูงไหม จัดส่งนานไหม
-ระบบควบคุมที่ใช้ เหมาะสมหรือไม่ หาคนอื่นมาแก้ไขได้ไหม หรือต้องพึ่งผู้พัฒนาเดิมตลอดไป และระบบทันสมัยคุ้มค่าไหม
-จะควบคุมให้เป็นไปตามแผน ไม่ล่าช้ากว่าแผนอย่างไร ใครควบคุม?
-ควบคุมให้ใช้วัสดุ อุปกรณ์ตามที่เสนอได้อย่างไร ใครควบคุม?
-ควบคุมคุณภาพของเครื่องจักรที่ใช้ในโครงการ เช่น หุ่นยนต์ workpiece positioner และ end of arm tooling เป็นต้นนั้นได้อย่างไร ใครควบคุม?
-ถ้าวันหนึ่งต้องเปลี่ยนแบรนด์เอุปกรณ์ขับเคลื่อน เช่น servo motor แล้วต้องเปลี่ยนระบบควบคุมยกชุดไหม (แบบนี้เรื่องใหญ่)
-ซ่อมบำรุงจะใช้ต้นทุนสูงไหม และจะมีปัญหาไหม
-แผนการบำรุงรักษาเป็นไง PM ยังไง ใครทำแผน? มีประสิทธิภาพแค่ไหน
-ระบบการผลิตนี้สามารถขอทุนจากภาครัฐได้หรือไม่ และใครเป็นคนทำเอกสาร และทำอย่างไรให้ขอได้
-ถ้าเอาท์ซอร์ซทำงานล่าช้า หรือไม่สำเร็จจะทำอย่างไร
พวกนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจากประสบการณ์จริง และใครล่ะควรตอบ? แน่นอนคนที่ตอบต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการในงานนี้เป็นอย่างดี และตอบโดยใช้ข้อมูลเทคนิคเป็นเกณฑ์ตัดสิน ถึงจะมั่นใจได้ว่าดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ นี่จึงเป็นหน้าที่ของ "ที่ปรึกษาการผลิต"
ตัวอย่างการพัฒนาสู่ระบบการผลิตอัตโนมัติ Smart Factory
ระบบป้อนตะกร้าเข้าเครื่องล้างตะกร้า
ระบบการผลิตเดิมใช้คนงานจำนวนมากป้อนตะกร้าเข้าเครื่องล้างฯ ซึ่งมีปัญหาความต่อเนื่อง อัตราทำงาน ตะกร้าหาย มีขยะในตะกร้า ป้อนด้านผิด และป้อนตะกร้าแตกเข้าไป คนงานไม่มาทำงาน
แบบระบบการผลิตใหม่ในตัวอย่างนี้ก็คือ แบบการผลิตที่เปลี่ยนจากคนงานมาใช้ระบบอัตโนมัติรูปแบบต่างๆ และต้องทำงานได้ที่อัตราการผลิตตามที่ต้องการ และต้องมีความผิดพลาดห้ามเกินที่กำหนด โดยรวมถึง
-ต้องนับ/ตรวจแตกตะกร้าได้
-เทขยะออกจากตะกร้าได้
-ควบคุมให้ตะกร้าเข้าด้านสีที่ถูกต้องได้
-ทำงาน 24 ชั่วโมงติดต่อกัน
ระบบหุ่นยนต์หยิบตะกร้า (รุ่น1)
สิ่งแรกที่ทำคือศึกษาระบบเดิม และรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพื่อมาทำ "แบบระบบการผลิตใหม่" ที่เป็นอัตโนมัติและมีข้อกำหนดตามที่ต้องการ และเมื่อได้แล้วก็จะสามารถสร้างแบบร่าง 3D และรายละเอียดชิ้นส่วน อุปกรณ์ที่ใช้ และงบประมาณได้ ซึ่งถ้าระบบนี้มีความเป็นนวัตกรรม ก็สามารถขอรับการสนุนการหน่วนงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้อีก
ขอบเขตงานของ "ที่ปรึกษาการผลิต"
"ที่ปรึกษาการผลิต" ทำงานใน 4 กลุ่มงานดังนี้
กลุ่มงานที่ 1.ริเริ่มโครงการ
-ศึกษาระบบการผลิตเดิม
-รวบรวมข้อกำหนดที่ต้องการ และพิจารณาความเป็นไปได้
-ร่างแบบ และทำ "แบบระบบการผลิตใหม่"
-ทำงบประมาณ / รายงาน
-นำเสนอโครงการ
-ทำเอกสาร และทำไฟล์นำเสนอ สำหรับการขอทุนต่อหน่วยงานรัฐ (ถ้ามี) หรือปรับโครงการให้เข้าเงือนไขทุน (ตามตกลง)
กลุ่มงานที่ 2.ประสานงานเอาท์ซอร์ซ
-วางข้อกำหนดเพื่อเลือกเอาท์ซอร์ซ
-พิจารณาทางเทคนิครายละเอียดโครงการที่เอาท์ซอร์ซได้เสนอมา เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้
-จัดทำแผนโครงการ
-ติดตามงาน ตรวจงาน และตรวจผลงาน
-ทำรายงานความคืบหน้าโครงการ
กลุ่มงานที่ 3.สนับสนุน และแก้ไขปัญหา
-สนับสนุน และควบคุมให้เป็นไปตามแผนโครงการ และงบประมาณ
-แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
-ทำแผนด้านการซ่อมบำรุง (ตามตกลง)
-ทำคู่มือการใช้งาน (ตามตกลง)
-ทำคู่มือซ่อมบำรุง (ตามตกลง)
-ทำคู่มือ PM (ตามตกลง)